สนุกดี ที่…บางกะเจ้า

0
48

เอ่ยชื่อบางกะเจ้า ภาพการขี่จักรยานก็ลอยมา คนขี่จักรยานไม่เป็นแบบเจ๊ จะไปทำอะไร ..ตอบซิ

ไปสูดอากาศบริสุทธิ์ไง ..ขาปั่นสองล้อไม่ได้ แต่ปอดสองข้างยังหายใจได้นี่นา

บางกะเจ้าได้ชื่อว่าเป็นปอดของกรุงเทพมหานคร ฟังทีแรกก็ไม่ค่อยเชื่อ เพราะเคยผิดหวังกับพื้นที่โฆษณาหลายแห่งมาแล้ว แต่เมื่อตั้งใจจะไป ก็ต้องไปสิ

ตื่นเช้าหน่อย ขับรถตามแผนที่ไป เข้าถนนเพชรหึงษ์ ถนนที่ชื่อเหมือนลมแรง สักครู่หนึ่งก็ถึงบางกะเจ้า

(ใครไม่ขับรถมา ก็นั่งบีทีเอสมาลงสถานีบางนา เดินต่อมาลงเรือข้ามฟากที่ท่าน้ำวัดบางนานอก หรือถ้าจะแบกจักรยานมาด้วย ก็มาท่าเรือข้างธนาคารกรุงเทพสำนักงานพระราม 3 ยกจักรยานใส่เรือข้ามฟากได้ค่ะ)

ที่หมายแรกของคนหิวอากาศ เราก็พุ่งตรงเข้าไปหาสวนศรีนครเขื่อนขันธ์

ที่ด้านหน้าสวนมีร้านเช่าจักรยานมากมาย ตามคนโบกรถไปเลยค่ะ จอดรถปุ๊บมีคนมาทักทายเสนอจักรยานให้เช่าทันที อย่าได้รังเกียจที่จะซักถาม ทุกร้านมีไมตรีดีมากค่ะ ค่าเช่ารถมีตั้งแต่ 40 บาทขึ้นไป ขี่ได้ทั้งวัน เลือกเอาค่ะ จักรยานเด็กคันเล็กหน่อย 20 บาท
เจ๊เลือกร้านในสุดที่มีป้ายบอกว่าเป็นวิสาหกิจชุมชน ถามโดยไม่อายว่ามีสามล้อไหม เพราะขี่จักรยานไม่เป็น พี่ ๆ น้อง ๆ แถวนั้นก็ไปหามาให้ค่ะ ได้มาแล้วเหมือนมียานพาหนะวิเศษ ปั่นเข้าสวนไปเลยในทันที

สามล้อนั้นดีนักหนา เพราะบรรทุกสัมภาระสมบัติบ้าได้ด้วย ขี่วนไปตามทาง ไม่ต้องกลัวชนกัน มีทั้งคนไทยคนต่างชาติ ผู้ใหญ่เด็ก ครอบครัว พากันมาสูดอากาศดี ๆ ยามเช้า

บ้างก็เดิน บ้างก็วิ่งเหยาะ ๆ ออกกำลังกายค่ะ

เจ๊นั้นขี่บ้างเข็นบ้างลากบ้าง ตามแต่ความลาดชัน ปั่นไปแวะจอดไป ไม่ได้รีบไปไหน ต้นไม้ร่มครึ้ม บางช่วงโน้มกิ่งเป็นอุโมงค์ กลิ่นใบไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นจนลืมเวลาไปบ้าง ซึ่งก็ดีค่ะ เพราะบางทีเราก็อยากจะตามลมหายใจไปเรื่อย ๆ ตื่น รู้ และเบิกบาน

มองน้ำมองฟ้า ซื้อขนมปังที่เจ้าหนูมาขายให้เราเป็นอาหารปลา ดูตัวเงินตัวทองอ้วนพีว่ายน้ำมา แล้วก็เข้าเรื่องสาระสักหน่อย

คุ้งบางกะเจ้าคือพื้นที่ส่วนหนึ่งที่เป็นบริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา มีประมาณ 12,000 ไร่ มองจากอากาศจะเห็นว่ามีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ครอบคลุมพื้นที่กว้างถึง 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้แก่ ต.บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง

เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2520 ได้มีมติคณะรัฐมนตรี กำหนดให้ “บางกะเจ้า” เป็นพื้นที่สีเขียว เหมาะแก่การเพาะปลูก ไม่อนุญาตให้ทำการก่อสร้างตึกหรืออาคารที่มีความสูงเกินกว่าที่กำหนด

และเมื่อปี 2549 นิตยสาร Time ได้ยกให้พื้นที่บางกระเจ้าเป็น The best Urban Oasis of Asia หรือที่เรียกว่า เป็นปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชียนั่นเอง

ยิ่งกว่าความภูมิใจตรงนี้ คือปอดบางกะเจ้ายังทำหน้าที่ได้ดี ไม่ใช่แค่รับตำแหน่งแล้วปล่อยพัง นี่คือสมุทรปราการ เมืองที่มีโรงงานมากมาย แต่ต้นไม้ยังมากมี อากาศดีจนอยากเก็บอัดกระป๋องกลับบ้าน

ปั่นสามล้อจนเหงื่อหยด แวะหอดูนก เห็นคนมาออกกำลังกายกันเป็นกลุ่ม บางช่วงก็มีเสียงจ้อกแจ้กตรงนี้มากหน่อย นกอาจจะหนวกหูไม่บินมาให้ดู เจ๊ก็เลยใช้เป็นข้ออ้างขี้คร้านจะปีนขึ้นไป แต่แค่นี้ก็คุ้ม และเห็นด้วยกับสมญาจาก Time แล้ว

เขาว่าที่นี่มีนกเป็นร้อยชนิด ทั้งนกกินพืช นกกินแมลง นกกินปลา ช่วยกันรักษาสมดุลนิเวศได้เยี่ยมยอด เพราะนกกินแมลงก็ควบคุมประชากรแมลงไม่ให้กินใบไม้จนโกร๋น นกกินพืชก็ช่วยแพร่พันธุ์ด้วยการขับถ่ายมูลพร้อมเมล็ดพันธุ์ไปทั่ว และนกที่ชอบกินน้ำหวานก็ช่วยผสมเกสรดอกไม้

วนไปวนมา นั่งเล่นเย็นใจให้เหงื่อแห้งแล้วก็ลากสลับปั่นและเข็นขึ้นสะพานสูงออกไปคืนรถจักรยาน เดินทางไปหาของกินให้ชื่นใจ ที่หมายคือตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง

ทางเข้าตลาดเป็นบ้านเรือนที่เปิดหน้าบ้านขายของ บ้างปลูกเมลอนไว้แล้วตัดมาวางขาย ผักพื้นบ้านก็มี ร้านตัดผมก็น่าแวะ แต่ที่ฮิตหน่อยก็คือร้านกาแฟ

เจ๊แวะร้าน Rabbit สั่งชาสตรอว์เบอร์รี 1 แก้ว ขึ้นไปนั่งชมวิวชั้นสอง มองลงมารู้สึกดีที่เห็นชุมชนธรรมดา ๆ ทางเดินสะอาดตา และที่สำคัญ ลมเย็นมาก พอ ๆ กับความหวานของชาเย็น ที่ลืมไปบอกว่า หวานน้อย ๆ หน่อยนะ เจ๊อ้วนจะตายอยู่แล้ว

ถือแก้วน้ำที่ยังดื่มไม่หมดออกเดินต่อ ผ่านการตรวจวัดอุณหภูมิที่ทางเข้าตลาด ลุยเข้าไปแล้วต้องร้องโอ้โฮ ร้านค้าหลากหลาย ขายของครบทุกหมวด ที่สำคัญคือของกินเยอะดี

อบต.บางน้ำผึ้ง ร่วมกับชาวบางน้ำผึ้งเปิดตลาดนี้ขึ้นมา เพื่อสร้างรายได้เสริมในวันเสาร์ อาทิตย์ จนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ทุกคนนำผลผลิตในท้องถิ่นของตนเองมาขายได้  ตลาดเปิดตั้งแต่เวลาประมาณ 08.00 – 16.00 น.

ถ้าถามเจ๊ว่าชอบอะไรที่นี่ เจ๊ชอบความหลากหลายของสินค้า ชอบสินค้าพื้นถิ่นอย่างผลิตภัณฑ์จากมะพร้าว และชอบบรรยากาศที่มีการเล่นดนตรีรับบริจาคเพื่อนำเงินไปช่วยสาธารณประโยชน์ ชอบผู้ค้าที่พูดจาน่ารัก

อิ่มแล้ว เสียเงินแล้ว ออกไปหาประสบการณ์สนุก ๆ ต่อค่ะ เหลือเงินนิดหน่อย ไปบ้านธูป ซึ่งอยู่บนเส้นทางผ่านก่อนจะมาถึงตลาดบางน้ำผึ้งนี่แหละ

จอดรถยนต์ หรือถ้าใครขี่จักรยานมาก็ลัดเลาะมาได้ไม่ยาก เข้ามาถึงก็ได้ยินเสียงพี่แป๊ด ทักทายต้อนรับ

“จากไหนคะ วอล์คอินเหรอ มาเลยค่ะ มาเลย” ผู้หญิงร่างกะทัดรัดเสียงสดใสฟังชัดต้อนรับทุกคนเหมือนพี่สาวทักญาติที่มาเยือน  พี่แป๊ด กัญญาพร นวลสอาด เปิดบ้านธูปต้อนรับแขกต่างถิ่นมา 18 ปีแล้ว เดิมก็เปิดวันหยุด แต่เดือนนี้เปิดทุกวัน รับนักท่องเที่ยววันละหลาย ๆ ชุด ทั้งที่เป็นกลุ่มบริษัท และกลุ่มนักเรียน

บ้านธูปทำอะไร ชื่อก็บอกว่าทำธูป แต่ความจริงมีมากกว่านั้น คือมีการสอนทำผ้ามัดย้อมร้อน ผ้ามัดย้อมเย็นด้วย

นักท่องเที่ยวเริ่มต้นแค่ตัดสินใจว่าจะลองหัดมัดย้อมสีครามเข้ม หรือย้อมสีพาสเทล เลือกชิ้นผ้าว่าจะอยากได้เสื้อแบบไหน อยากได้ผ้าคลุมไหล่ หมวก หรือกระเป๋า  แล้วก็เริ่มลงมือ

พี่ก้อย ชายหนุ่มใหญ่เป็นคนสอนมัดย้อม เสียงดังฟังชัดไม่แพ้พี่แป๊ด

“มัดหนังสะติ๊ก แบ่งช่อง แตะสีลงไปสีละช่องครับ พาสเทลก็ม่วงชมพูฟ้าเหลือง แค่นี้แหละ”

เมื่อลงมือย้อม ใจอยู่กับสีที่ปาดป้ายไปเรื่อย ๆ จนเสร็จครบกระบวนการป้ายสี สงสัยตรงไหนถามพี่ก้อย

ระหว่างวางทิ้งไว้รอให้แห้ง ก็ลุกไปหาพี่แป๊ดที่โรงธูป

พี่แป๊ดอธิบายเรื่องธูปทีละขั้นตอน ตั้งแต่ชนิดพืชที่ใช้ทำผงสมุนไพร บอกแหล่งซื้อ ราคา ฮาเฮเหมือนดูทอล์คโชว์ที่คนดูมีส่วนร่วมทุกคำถามคำตอบ จบที่การให้ทุกคนได้ลองทำ

ธูปของบ้านธูปเป็นธูปสมุนไพรไล่ยุงและแมลง ส่วนผสมมาจากสะเดา ตะไคร้หอม กระถิน และอื่น ๆ ตากแห้งสนิทแล้วป่นละเอียด ใครอยากไปทำเองก็ไปหาซื้อที่ร้านเจ้ากรมเป๋อ ยางบงที่ทำให้เหนียวติดกับแกนไม้ก็ไปหาได้ที่เยาวราช สีสวย ๆ เป็นสีผสมอาหารไม่เป็นพิษภัย แต่ละสีก็ใส่กลิ่นหอม ๆ ให้น่าใช้ ทั้งลาเวนเดอร์ กุหลาบ มะลิ ที่นิยมกัน

ธูปเหล่านี้ ตามปกติพี่แป๊ดให้ชาวบ้านแถวนี้ทำมาส่ง พี่แป๊ดหาวัตถุดิบให้ แล้วทำหน้าที่แบ่งห่อจำหน่าย จาระไนรายจ่ายค่าจ้างแล้ว ถือเป็นรายรับที่ดีกว่าอยู่เฉย ๆ เพราะค่าผลิตเกือบทั้งหมดตกอยู่กับชาวบ้าน ราคาจำหน่ายห่อละ 25 บาท เท่านั้นเอง

สีที่ย้อมผ้ามัดย้อมเริ่มแห้งแล้ว ถ้าไม่แห้งพี่ก้อยจะเป่าไดร์ให้ ได้เวลาคลี่ออกก็ตื่นเต้น ทั้งคนที่ย้อมร้อนและย้อมเย็น

ไม่ต้องกลัวว่าผ้าจะสีตก พี่ก้อยพี่แป๊ดย้ำวิธีการซักที่จะทำให้ใช้ได้ดี สีเดิม ซักรวมกับผ้าขาวได้สบาย ๆ

ทุกคนที่มาร่วมกิจกรรมสนุกที่บ้านธูป จะได้ผ้ามัดย้อมฝีมือตัวเองกลับบ้านอย่างน้อย 1 ชิ้น  ควักเงินจ่าย 200 บาท ได้ทั้งของ ได้ทั้งความรู้

“เราไม่เอาแพงค่ะ แพงใครจะมา เศรษฐกิจแบบนี้ มันต้องช่วยกันค่ะ จริงไหม? แขกที่มานี่มาแล้วก็มาอีก..มาแล้วก็พาเพื่อนมาอีก จัดกรุ๊ปมาค่ะ” พี่แป๊ดจับมือเจ๊ คุยเหมือนเพื่อนสนิทสนม หลังจากเพิ่งส่งแบงค์ร้อยคืนลูกค้าที่พยายามจะจ่ายเงินเพิ่ม แล้วโบกมือลากัน

“ที่นี่ก็มีคน 11 คน เป็นคนแถวนี้ค่ะ มาช่วยกันทำ  เมื่อก่อนเปิดเสาร์-อาทิตย์ ตอนนี้พี่ยังไม่ได้หยุดสักวัน คือมีโรงเรียนส่งนักเรียนมาค่ะ มาเรียนรู้ เราก็สนุก อยากให้คนได้เที่ยวชุมชนเรา”

เจ๊หันไปขอซื้อน้ำตาลสดกลับบ้าน ทั้งหอมทั้งหวานพอดี แล้วก็พุ่งไปที่โรงธูป กะจะซื้อธูป แต่หมดซะแล้ว พี่ก้อยหัวเราะขำ “หมดเกลี้ยงเลยครับ คนซื้อไปแล้วไม่เหลือซักดอก”

ว่าแล้วก็ปลอบใจด้วยต้นไม้ที่เจ๊ชอบ เพาะเมล็ดแข็งแรง 2 ต้น ใส่ถุงให้…คงต้องมาใหม่อีกทีแล้วสิ

ลาพี่แป๊ดพี่ก้อยออกมาจากบ้านธูป แวะซื้อเครื่องดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้งแช่เย็นเจี๊ยบจากบ้านข้างทางก่อนเขาปิดร้าน เจ้าของบ้านให้มะนาวแป้นลูกโตมาเป็นที่ระลึกด้วย คนบางกะเจ้าใจดีนักเชียว

แล้วทริปหนึ่งวันที่บางกะเจ้าก็จบลงในเวลาสี่โมงเย็น มีเวลาเหลือกลับบ้านไปนอนเล่นก่อนวันทำงาน

พักน่องที่ปั่นจักรยาน และเขียนบันทึกแบบนี้แหละ

อยากชวนคุณหาวันว่างเสาร์หรืออาทิตย์สักวันค่ะ รับรองว่าปอดจะโปร่ง ใจจะโล่ง และมีความสุขโดยไม่ต้องใช้เงินมากมายเลย

อย่าลืมพกหน้ากากไปด้วยนะคะ

KORN  บล็อกเกอร์ผู้รักการท่องเที่ยวทุกลมหายใจ  จะพาไปพัก ไปกิน ไปดู และแบ่งปันกัน