คลองมหาสวัสดิ์ หรือ คลองชัยพฤกษ์ เริ่มต้นจากคลองลัดบางกรวยหรือคลองบางกอกน้อย ไหลผ่านเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่าง อ.บางกรวย จ.นนทบุรี กับเขตตลิ่งชัน และเขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ ผ่าน อ.พุทธมณฑล ไปออกแม่น้ำท่าจีนที่ ต.งิ้วราย อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม มีวิถีชุมชนการใช้ชีวิตในเชิงอนุรักษ์ และเกษตรผสมผสาน ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหา ภูมิพลอดุลยเดช
คลองมหาสวัสดิ์ขุดตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ใช้เป็นเส้นทางเสด็จฯ ไปนมัสการพระปฐมเจดีย์ ขุดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2400 ใช้แรงงานคนจีน ใช้เวลา 3 ปีก็ขุดเสร็จ กลายเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญ พื้นที่รกร้างว่างเปล่าแถบนี้ กลายเป็นที่ทำมาหากินของราษฎร ได้ทำเรือกสวนไร่นากันต่อๆ มา สมัยนั้น รัชกาลที 4 โปรดให้จับจองที่ดิน 2 ฝั่งคลอง ตลอดแนว พระราชทานแก่พระราชโอรสพระราชธิดาทุกพระองค์ โดยแต่ละองค์จะมี “นายกอง” เป็นผู้ดูแลเก็บค่าเช่าจากราษฎรที่เข้ามาตั้งถิ่นฐานทำนา ที่นาบางส่วนเปลี่ยนมือเป็นของวัด เพราะทายาทยกให้วัด บางส่วนพระราชทานให้ สปก.เอาไปจัดสรรแก่เกษตรกร
ตอนขุดคลองนี้ มีการสร้างศาลาไว้ริมคลองเป็นระยะๆ รวม 7 หลัง ปัจจุบันไม่มีศาลาเหลืออยู่แล้ว เพราะผุพังไปหมด แต่ศาลาบางหลังยังมีชื่อเหลือมาถึงปัจจุบัน คือ ศาลาธรรมสพน์ เดิมชื่อศาลาทำศพเพราะเคยเป็นที่ทำศพ ศาลายา เป็นศาลาที่มีการเขียนตำรายารักษาโรคต่างๆ ใส่แผ่นกระดานติดเอาไว้เป็นการกุศล แล้วก็ ศาลาดิน เป็นศาลาที่มีพื้นเป็นดิน เคยเป็นที่เก็บศพของชาวบ้านเพื่อรอเผา
เมื่อมาถึงท่าคลองมหาสวัสดิ์ จะมีจุดบริการนักท่องเที่ยว นำเที่ยวโดยการลงเรือท่องคลอง มีลานจอดรถให้สะดวกสบาย
จุดท่องเที่ยวที่ 1 นาบัวลุงแจ่ม จะมีการเก็บบัววันเว้นวัน ตอนเช้าประมาณ 7 โมง โดยจะมีการไถนาเป็นระยะเมื่อบัวเริ่มแก่ จะเหลือบัวบางส่วนไว้เป็นแนว เพื่อให้งอกไหลออกมาเป็นต้นใหม่ให้เต็มพื้นที่ มีการปลูกพืชผสมผสานที่คันนาโดยรอบ รวมทั้งการเลี้ยงปลาหลายชนิดในนาบัว เช่น ปลานิล ปลาตะเพียน ปลาดุก ซึ่งปลาก็กินใบบัวเน่าเป็นอาหารได้ เป็นการทำการเกษตรผสมผสานตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 ทำให้เกษตรกรเจ้าของนามีรายได้หลายทาง ทั้งรายวัน รายเดือน
จุดท่องเที่ยวที่ 2 กลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ บ้านศาลาดิน เป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชนของกลุ่มแม่บ้านเกษตรกรมหาสวัสดิ์ มีการแปรรูปผลผลิตการเกษตร มีการทำข้าวตังจากข้าวกล้องหอมมะลิและข้าวไรซ์เบอร์รี่ ทำไข่เค็ม มีโรงอบกล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่นี่จะมีพี่วันเพ็ญสอนทำข้าวตัง ให้ผู้มาเยือนได้ทดลองทำเอง สนุกสนานและได้ความรู้
จุดท่องเที่ยวที่ 3 บ้านฟักข้าว ฟักข้าวมีมาตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นย่า มีสรรพคุณช่วยต้านมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระ ชะลอความแก่ ที่บ้านฟักข้าวมีเย็นตาโฟที่ใช้ซอสแดงจากฟักข้าว (ขึ้นอยู่กับผลฟักข้าว) น้ำฟักข้าว น้ำอัญชันผสมมะพร้าวให้ดื่มด้วย และมีสวนฟักข้าวให้ชมให้ถ่ายรูป
จุดท่องเที่ยวที่ 4 สวนกล้วยไม้ อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ขึ้นชื่อของชุมชนนี้ มีทั้งกล้วยไม้พันธุ์หวาย พันธุ์มอคคาลา ราคาเพียงกำละ 10 บาท
จุดท่องเที่ยวที่ 5 สวนผลไม้คุณลุงบุญเลิศ (ไร่นาสวนผสม) กินขนมและผลไม้อร่อยๆ แล้วขึ้นรถอีแต๋นลุงบุญชมสวนและท้องนา เป็นเกษตรผสมผสาน มี มะม่วง ขนุน ส้มโอ กล้วย หมาก ทองหลาง มีข้าวโพดแซมไว้ทั่วๆ ไป ลีลาการขับรถอีแต๊กของลุงบุญตอนเข้าโค้งที่ต้องเหวี่ยงตัวออกไปสุดๆ เพื่อบังคับรถให้เลี้ยวในที่แคบๆ ได้นั้น เรียกความตื่นเต้นได้ดีทีเดียว ติดต่อชมสวนได้ที่ คุณจงดี เศรษฐอำนวย โทร. 08 9057 1472 ค่าบริการนั่งรถอีแต๋นเที่ยวละ 80 บาท
ปิดท้ายทริปด้วยการไหว้องค์พระปฐมเจดีย์จำลองที่วัดสุวรรณาราม (ตรงที่ลงเรือ, ลานจอดรถ)
ค่าเรือพร้อมผู้นำชม ลำละ 350 บาท (นั่งได้ 6 คน/ลำ) ค่าตอบแทนเกษตรกรทั้ง 4 จุดท่องเที่ยว ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็กอายุไม่เกิน 5 ปี คนละ 40 บาท